Sunday 9 January 2011

ยุทธวิธีรับมือตัวแทนขายสินค้าของชาวอิตาลี

ขอเปลี่ยนมาเล่าสู่กันฟังเป็นภาษาประจำชาติตัวเองบ้างนะคะ เนื่องจากเรื่องนี้เล่าภาษาอังกฤษคงจะไม่ได้อารมณ์ที่อยากได้เป๊ะๆ ตั้งแต่อยู่อิตาลีมาสิบเอ็ดปี ก็รับมือกะหลายเรือ่งมากมาย แต่มีเรือ่งที่ต้องรับมือแทบทุกวัน และหน้าที่นี้ตกเป็นของข้าพเจ้าโดยปริยาย เนื่องจากคนในบ้านไม่มีใครชอบรับโทรศัพท์ ข้าพเจ้าก็เลยได้รับตำแหน่งโอเปอเรเตอร์ไปโดยมิรู้ตัว


หลายปีดีดักมานี้ อาชีพ telephonist ขยายตัวมากมายในประเทศอิตาลี ในหนึ่งวันจะต้องมีซักกะรายสองรายที่เป็นตัวแทนขายสินค้า โทรมารบเร้า ระยะแรกๆนั้น ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะพูดคุยกะบุคคลที่ทำอาชีพนี้เลย เพราะก็คิดว่าเป็นงานของเขา แต่ทว่านานๆเข้า เริ่มรู้สึกว่าเส้นประสาทเริ่มกระตุกเล็กน้อย เพราะพวกเขาและพวกเธอ ก็มิได้เคารพในาเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ตามควรเลย เทคนิกของเหล่าเทเลโฟนนิสต์มีอยู่ไม่กี่แบบ แต่ทุกแบบน่ารำคาญมากๆ ดังต่อไปนี้


แบบแรก ที่เจอบ่อยที่สุด คือพวกเธอหรือพวกเขาเหล่านั้น จะเริ่มต้นด้วยคำทักทาย คุณคือ ซินยอร่า....ใช่มั้ย เราก็ตอบไปว่าใครต้องการพูดด้วยคะ...คุณๆเธอก็จะรีบพูดว่า ผม/ดิฉัน ชื่อนี้ นามสกุลนี้ โทรมาจากบริษัทนี้ๆนั้นๆ....ต้องการจะเสนอสินค้า โปรโมชั่น คุณงามความดีของสินค้านั้นๆ แบบว่าพูดโดยไม่หายใจ ไม่เว้นช่องว่างให้เราสามารถแทรกได้เลย ก็คือต้องฟังจนหูชาไปทั้งสองข้าง พอฝ่ายนั้นสาธยายจบก่อนที่จะขาดใจตาย เราจึงได้มีโอกาสตอบกลับไปว่า "เสียใจด้วยนะคะ ไม่สนใจที่จะใช้บริการ / ซื้อสินค้าของคุณ" แล้วคุณๆเธอก็จะพยายามรั้งเอาไว้ โดยการยิงต่ออีกซักสีห้านาที บลา...บลา..บลา...จนในที่สุดเราก็ตอบปฏิเสธได้สำเร็จด้วยความอดทนโดยการใช้กริยาผู้ดี


แบบที่สอง คือพูดด้วยเสียงและความเป็นมืออาชีพอีกระดับ โดยการอ้างว่า นี่เป็นการเซอร์เวย์ เพื่อสิทธิของผู้บริโภค หรือเพื่อปรับปรุงมาตรฐานอะไรก็ตามแต่ โดยจะรบกวนเวลาไม่กี่นาทีถามคำถามสั้นๆ เราก็ตั้งใจฟัง เพื่อที่จะได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือสังคมในฐานะพลเมืองที่ดี แต่ที่ไหนได้ มาปิดท้ายด้วยการเสนอสินค้า หรือหลอกว่าเราได้รับคูปองส่วนลดอะไรก็ตามแต่ แต่ว่าจะต้องไปรับที่สถานที่นี้ๆ ในวันที่เท่านี้ เวลาเท่านี้ และตอ้งบอกว่า ชื่อ + นามสกุลนี้เป็นผู้ส่งมา แต่ด้วยความที่รู้ทันว่า ในวันนั้นเวลานั้น ถ้าไปก็คือจะถูกเหล่าตัวแทนขายนั้นรุมทึ้งเพื่อที่จะบังคับให้ซื้อสินค้าของเขาให้ได้ (มีเพือ่นชาวอิตาเลียนเคยไปพิสูจน์มาแล้ว และเล่าให้ฟังว่าแทบจะตบกันตาย) ครั้งแรกๆที่เราได้รับโทรศัพท์แบบนี้ ก็จะลองคิดในแง่ดีไปก่อนว่า เขาอาจจะกำลังทำแบบเซอร์เวย์จริงๆอยู่ก็ได้ แต่พอถูกหลอกให้เสียเวลาตอบไปหลายรอบมากๆ ก็เลยหมดความศรัทธา ไม่เชื่ออีกแล้วว่าจะมีใครทำเซอร์เวย์จริงๆโดยไม่ได้หลอกขายของตอนหลัง


จะแบบแรก หรือแบบที่สองก็ดี หลังจากมีประสบการณ์ตอบปฏิเสธด้วยความลำบากมามากมายหลายหน ก็เลยเริ่มช่ำชอง เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเวลาทั้งของตัวเราเอง และของผู้ที่โทรมา (เพราะยังไงๆก็ไม่ซื้อสินค้าของเขาอยู่ดี) เราก็จะมีวิธีตัดบทง่ายๆสั้นๆโดยวิธีแรก คือแกล้งโง่ พูดไม่ชัด บอกไปว่า พูดภาษาอิตาเลียนไม่ได้ โดยพูดให้สำเนียงอุบาทว์ที่สุด อีกฝ่ายก็จะไม่อยากเสียเวลา ในเมื่อสื่อสารไปก็ไม่เข้าใจ เขาก็จะวางสายไปไว (และส่วนมากก็จะวางเสียงดังปัง โดยไม่มีมารยาทซะด้วย) วิธีที่สอง ก็เคยแกล้งทำเสียงเด็กๆหน่อย บอกว่าพ่อแม่ไม่อยู่ พออีกฝ่ายถามว่าไม่มีใครที่บรรลุนิติภาวะอยู่ในบ้านเลยหรือ เราก็จะตอบกลับไปว่าไม่มีเลย แล้วอีกฝ่ายก็รีบวางหูไปโดยไม่เสียเวลา


อีกวิธีที่ใช้บ่อยขึ้น ก็คือบอกไปว่า "อ๋อ มีแล้วค่ะ ซื้อไปหมดแล้วค่ะ" จะขายอะไรก็ตาม ก็ซื้อมาหมดแล้ว เขาก็จะวางสายไป เพราะตื๊อไปก็ไม่ซื้ออยู่ดี เพราะซื้อไปแล้วหนิ มีอยู่ครั้งนึง เจอตัวแทนขายหญิงนางนึง ซึ่งเราจำได้ดีเลย เพราะเธอใช้กริยาประชดประชัน จนเราเองก็อดจะตีฝีปากไม่ได้ เธอโทรมาเสนอขายอาหารแช่แข็ง โดยที่จะมีรถตู้ตระเวนขายมาส่งให้ถึงบ้าน แม่นางนี้เริ่มบทเจรจาว่า "คุณแม่บ้านซื้ออาหารแช่แข็งบ่อยไหมคะ" เราก็ตอบไปดีๆว่า "ไม่คอ่ยได้ซื้อหรอกค่ะ เพราะชอบทำอาหารเอง" แม่นางเธอทำเสียงแหลมๆหัวเราะหยันๆกลับมาว่า "แหม สุดยอดจังเลยนะคะ ช่างเป็นแม่บ้านตัวอย่างจริงๆ โฮะๆๆ ยอดเยี่ยมกระเทียมดองจังเลยค่า ฮ่าๆๆๆ" แบบว่าชักจะกวนประสาทกันมากไปแล้ว เราก็เลยตอบกลับไปด้วยเสียงเยือกเย็นแต่มั่นคงว่า "ก็ใช่น่ะสิคะ ฉันซื้ออาหารสดๆ ปรุงสดๆเองทุกมื้อ เพราะครอบครัวเราทานแต่อาหารดีๆ ไม่โปรดอาหารห่วยๆที่ใส่อะไรบ้างก็ไม่รู้ ถ้ากินบ่อยๆก็ขาดสารอาหารตายกันพอดี" พอพูดจบแล้วเราก็วางหูปังไปทันที แม่นางนี้กล้าดีอย่างไรมาพูดจาประชดประชนคนอื่น โดยที่ตัวเองแท้ๆที่โทรมารบกวนเวลาชาวบ้าน แล้วอย่างนี้ยังจะคิดได้ลูกค้าอีกเรอะ จริงๆเราก็มีบ้างที่ซื้ออาหารแช่แข็ง ในบางมื้อที่หมดมุข หรือไม่มีเวลาเพราะมีธุระปะปางทั้งวัน โดยจะซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน แต่หลังจากได้รับโทรศัพท์กวนประสาทแบบนี้แล้ว ยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าฉันจะไม่ใช้บริการเด็ดขาด เห็นรถตู้ยี่ห้อนั้นวิ่งบ่อยๆเหมือนกัน จริงๆมันก็สะดวกสบาย แต่ในเมื่อบริษัทจ้างพนักงานไอคิวต่ำแบบนี้มาทำงาน ก็ไม่คิดจะเชื่อถือสินค้าเขาไปเลย


ความจริงแล้วอาจจะไม่ถูกตอ้งนักที่เราพาลเหมาะซะหมดว่า พวกเทเลโฟนนิสต์นั้นเป็นเหมือนๆกัน แต่จากประสบการณ์แล้ว ถ้าพูดดีๆด้วยก็ตัดทบยากมาก จะตื๊อกันให้ตายไปข้างนึงเลย จนทำให้เราหมดความอดทนไปโดยปริยาย และจากประสบการณ์แม่สามีเราแล้วด้วย ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ เพราะเมื่อสิบปีที่แล้ว แม่สามีได้สั่งซื้อผ้านวมปูเตียงอย่างดียี่ห้อหนึ่งจากตัวแทนขายแบบนี้นี่แหละ ราคาสูงอยู่มาก แต่ว่าแม่สามีเราอยากได้ผ้านวมแบบนี้มานานแล้ว ก็เลยตัดสินใจว่าจะซื้อ ตัวแทนก็เลยมาถึงบ้านเพื่อวัดขนาดเตียงและให้เลือกลายผ้า เป็นผ้านวมขนแท้แต่ไม่รู้ขนอะไรมีค่ามากมายขนาดนั้น ตอนนั้นประเทศอิตาลียังใช้เงินลีร์อยู่ จำราคาได้แม่นว่า 2ล้านลีร์ เท่ากับ 1พันยูโรพอดิบพอดี แล้วแม่สามีก็ได้ผ้านวมแบบที่อยากได้มาสมใจ และก็ชอบมันมากเพราะใช้ดี ห่มอุ่นมากๆ เคยแนะนำให้เราซื้อ แต่เราบอกว่าคงไม่ไหว เงินเท่านั้นไปกลับเมืองไทยได้สบายแถมเหลือไปช้อปปิ้งได้อีกต่างหาก แต่ทว่า...ต่อๆมาในระยะเวลาตลอดเกือบ 10 ปีนี้ ตัวแทนขายรายนี้ได้ทำการรบกวนแม่สามีเป็นอย่างมาก ทั้งคอยโทรจิก และมากดกริ่งถึงหน้าบ้าน จนแม่สามีหลอนไปเลย ไม่กล้ารับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครอีกเลย จนถึงจุดนึงที่แม่สามีบอกทุกคนว่า ถ้าเป็นคนนี้โทรมาอีก ให้ช่วยบอกไปเลยว่า เขาเสียชีวิตไปแล้ว โอ้โห เราเองตกใจ อะไรจะขนาดนั้น นี่เขาหลอนถึงขั้นนี้เลยหรือ เราเลยเป็นฝ่ายรับมือแทนมาตลอด บางทีโทรมาก็แกล้งบอกว่า เจ้าของบ้านไม่อยู่ เราเป็นแค่แม่บ้านมาทำความสะอาด แล้วก็แกล้งพูดจาไม่รู้เรือ่งจนเขาวางไป จนหลังๆก็แกล้งบอกว่า ที่นี่ไม่มีคนชื่อนี้ เขาย้ายออกไปแล้ว ไม่รู้ไปอยู่ไหน ตัวแทนขายผู้นี้ก็มีทีท่าว่าจะขายเราต่อ เราก็รีบๆบอกปัดไปเลยว่า ไม่สนใจหรอกของพวกนี้ ตัดบทไปเสียเนิ่นๆ


หลังจากประสบการณ์อันน่าสะพรึงกลัวของแม่สามีเรานั้น ทำให้เราไม่อยากที่จะพูดจากะพนักงานขายเหล่านี้อีกเลย เคยมีว่า เขาเดินกดกริ่งตามบ้านกันอยู่ แล้วเรากำลังเก็บกวาดอะไรอยู่ในสวนหน้าบ้านพอดี เราก็ตอบไปว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ เราเป็นคนมาทำสวน เมื่อผู้ขายเหล่านี้ดูจากเสื้อผ้า หน้า ผม ของเราแล้ว ก็เชื่อโดยง่ายๆว่าเราคงจะไม่ใช่เจ้าของบ้านเป็นแน่แท้ แต่พวกเขาช่างมีปฏิธานน้อยนิดเสียจริง ถ้าอ่านนามสกุลที่ติดอยู่ตรงกริ่งหน้าบ้านแล้ว ก็จะเห็นว่ามีนามสกุลแปลกๆยาวๆ ของชาวต่างชาติอยู่ด้วย ในเมื่อมีความฉลาดน้อยเราก็เลยรอดตัวไปได้โดยง่ายๆ


เวลาบ่นเรื่องอะไรล่ะก็ เขียนได้ยาวมากๆ จริงๆแล้วปรกติถ้าเป็นพวกที่โทรศัพท์มาขายสินค้ามักจะไม่มีขึ้นเบอร์โชว์ เพราะเขาจะซ่อน identity จริงๆเคยตัดปัญหาด้วยวิธีง่ายๆว่า ถ้าขึ้นว่าซ่อน identity แบบนี้ก็ปล่อยให้มันดังไปซะ โดยไม่ต้องรับก็หมดเรือ่ง แต่ว่าเคยเจอบางครั้งที่แปลกใจ เพราะเห็นโทรเข้ามาถี่เหลือเกิน ลองรับซะหน่อย อ้าว กลายเป็นคนรู้จักเสียนี่ เพราะถ้าเขาโทรมาจากเบอร์ที่ทำงาน ก็มักจะซ่อน identity กลายเป็นว่าการไม่รับซะเลย ก็อาจจะทำให้ไม่ได้รับโทรศัพท์จากผู้ที่ตอ้งการติดต่อเราจริงๆไปด้วย เพราะฉะนั้น อิฉันก็ต้องรบรากะ เทเลโฟนนิสต์อีกตราบนานเท่านาน...จนกว่าจะมีใบจากองค์การโทรศัพท์มาให้กรอกว่า จะไม่ให้ลงเบอร์โทรศัพท์ของบ้านเราในสมุดโทรศัพท์อีกแล้ว เคยมีมาให้กรอกแต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นปัญหารบกวนจิตใจได้มากขนาดนี้

6 comments:

  1. Ciao Mee, il titolo del blog è carinissimo...con l'inglese ci proverò, ma per quanto rigurda il tailandese sarà una battaglia persa!
    Buon lavoro e alla prossima ;))
    un bacio

    ReplyDelete
  2. ฮ่าๆๆๆ วิธีทำเสียงเด็กนี่ให้สิบคะแนน ความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมมากเลยจ้า
    เราก็โดนเหมือนกัน ที่ทำให้โกรธมากที่สุดคือ มันชอบโทรมาหลังกินข้าวกลางวัน ซึ่งเรากำลังจะหลับได้ที่ โมโหมาปลุกคนกินอิ่มตาปรือให้มารับโทรศัพท์
    ที่นี่มันจะถามโน่นถามนี่ไรไม่รู้ เราจับไต๋ได้ถามตรงๆ เลยว่าจะเสนออะไร แล้วก็บอกว่าไม่ซื้อจะกลับบ้านแล้ว บางคนดันถามว่ากลับไปไหน กูจะบ้าตาย
    มีรายหนึ่งตลกมาก เราบอกว่าไม่สนใจซื้อ เขาก็ถามเราว่าแล้วเราทำไรอยู่เรียนไร เราก็บอกว่าไม่อยากพูดด้วยทำไมเธอต้องรู้ด้วย ก็ฉันไม่ซื้ออะไรของเธอ เขาบอกว่าก็อยากคุยด้วย เอ่อออ กรรม
    สนุกดีจ๊ะ เอาอีกๆ

    ReplyDelete
  3. ไม่รู้ทำไมตอนแรกคอมเม้นต์ส้มดันไปอยู่ในสแปม เราก็เลยเข้าไปคลิ๊ก non spam มันถึงโชว์ ขอบใจนะจ๊ะที่ช่วยกันอ่าน พอเล่าแล้วก็มันส์ จริงๆไม่อยากให้บล๊อกนี้กลายเป็นบล๊อกบ่นเรื่องต่างๆเหมือนที่เคยทำในสเปซอ่ะ ฮ่าๆๆ แต่ไปๆมาๆก็ไม่พ้นอยู่ดี จากชื่อและคำอธิบายบล๊อกแล้วมันควรเขียนเรื่องสร้างสรรค์ ความรู้ วัฒนธรรม แต่ไม่เป็นไรเขียนภาษาไทยฝรั่งอ่านมะออก แป่ว

    ReplyDelete
  4. โอ๊ย..โอ๊ย.. คุณย่าขา, ตัดบทซะขนาดนั้น
    จะขำซะหน่อยเลยต้องเบรคพรืดดดด.....

    ของอิฉัน ถ้าเจอแบบนี้ก็จะเปิด vivavoce ไว้
    (ก็หล่อนไม่เปิดช่องให้อิฉันพูดนี่) ให้หล่อนพูดไป
    แล้วอิฉันก็จะตอบว่า "อิฉันเป็นคนต่างด้าวฮ่ะ,
    ฟังบ่ฮู้เฮื่อง... ขออภัยนะฮ้า สวัสดีฮ่ะ"
    จบและ, ประโยคหากินใช้ได้ดีมาก
    เอิ๊ก.........

    ReplyDelete
  5. ..... Anonymous said...

    ข้างบนเนี่ย ของคุณนายแห่ง Rivalta นะฮ้า

    โฮ๊ย...ทำไมมันยากเย็นหยั่งงี้ !!!!

    ReplyDelete
  6. ขอบคุณค่ะคุณป้าที่กรุณามาติดตาม(แอบถูกบังคับรึเปล่า หุๆ)
    คุณย่าไม่ชอบสู้รบปรบมือกะใครค่ะ
    ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเป็นเม้นต์ของคุณป้า ;-D คราวหน้าลงชื่อย่อหรือนามแฝงท้ายข้อความไหมคะ (อุตส่าห์บังคับให้มีคราวหน้าแล้วนะเนี่ย)

    ReplyDelete

Your comments are precious to me ❤